วิกเตอร์ โอซิมเฮน อยากค้าแข้งใน พรีเมียร์ลีก ในอนาคต

วิกเตอร์ โอซิมเฮน ได้ออกมาแสดงความสนใจใน พรีเมียร์ลีก หลังจากที่นักเตะกองหน้าของ นาโปลี ยอมรับว่าเขามีความฝันที่จะทดสอบตัวเองในการแข่งขันในลีกชั้นนำของอังกฤษ ซึ่งทางด้านของนักเตะหนุ่มวัย 24 ปีรายนี้ก็ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงอย่างต่อเนื่องในฤดูกาลนี้ด้วยการทำประตูไปแล้วทั้งหมด 19 ประตูจาก 21 ประตูใน เซเรียอา และเขายังเป็นกำลังสำคัญของทีมที่คอยกระตุ้นและช่วยให้ทีมของเขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม

ปัจจุบัน นาโปลี ได้ก้าวขึ้นมารั้งตำแหน่งจ่าฝูงของ เซเรียอา พร้อมกับทำคะแนนทิ้งห่างจากทีมรองจ่าฝูงอย่าง อินเตอร์ มิลาน ถึง 15 แต้ม ซึ่งมันทำให้ นาโปลี มีโอกาสพาทีมกลับมาคว้าแชมป์ เซเรียอา อีกครั้งในรอบหลายปี และผลงานที่ยอดเยี่ยมของ วิกเตอร์ โอซิมเฮน ในครั้งนี้ทำให้เขาได้รับคำชื่นชมและถูกจับตามองจากหลากหลายสโมสรในยุโรป ซึ่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เป็นหนึ่งทีมที่มีข่าวในเรื่องของการให้ความสนใจในการเซ็นสัญญากับ วิกเตอร์ โอซิมเฮน ในช่วงซัมเมอร์นี้

ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังเกมพ่าย ลาซิโอ ไป 1-0 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา วิกเตอร์ โอซิมเฮน เผยว่าเขารู้ตัวดีว่าเขาได้รับความสนใจจากหลายๆ ทีมในลีกสูงสุดอังกฤษ และเขาก็สารภาพว่าเขาเองก็ต้องการจะทดสอบตัวเองกับเส้นทางการค้าแข้งด้วยการเล่นใน พรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นลีกฟุตบอลที่แข็งแกร่งและเป็นความฝันของผู้เล่นหลายๆ คน

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังมองหานักเตะกองหน้าคนใหม่มาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ หลังจากที่สโมสรได้แยกทางกับ คริสเตียโน โรนัลโด้ ในเดือนธันวาคมของปีที่แล้ว โดยมีทางด้านของ วุต เวกฮอร์ส เข้ามาแทนที่ชั่วคราวในช่วงเดือนมกราคม และเขาเตรียมที่จะย้ายกลับไปยัง เบิร์นลีย์ หลังจากสิ้นสุดสัญญายืมตัว

“ปีศาจแดง” สนยืมตัว ออสปิน่า เฝ้าเสา

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้นตกเป็นข่าวให้ความสนใจในตัวผู้รักษาประตูของนาโปลี อย่าง เดวิด ออสปิน่า มาร่วมทีม

มือกาววัย 33 ปี รายนี้ กำลังจะหมดสัญญากับทีมหลังจากจบฤดูกาลนี้ และน่าจะต้องย้ายออกจากทีมไปแบบไม่มีค่าตัว เพราะทางนาโปลี ไม่ต้องการตัวเขาอีกแล้ว ด้าน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เองกำลังมีข่าวว่าอาจจะต้องเสียตัว ดีน เฮนเดอร์สัน ออกจากสโมสร แต่ทางผู้จัดการทีมชั่วคราวอย่าง ราร์ฟ รังนิก ก็พยายามขวางทางอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม ทีมอาจจะไม่สามารถรั้งตัว เฮนเดอร์สัน ได้ไปตลอด ทำให้พวกเขาต้องหาทางออกสำรองเตรียมเอาไว้ นั้นก็คือการไปดึงตัวเอง ออสปิน่า มาเป็นตัวสำรองแทน

ผู้รักษาประตูชาวโคลัมเบียรายนี้ ลงเล่นให้กับทาง นาโปลี ในฤดูกาลนี้ ไปแล้วทั้งหมด 20 นัด และเคยเล่นให้กับ อาร์เซน่อล ทีมในอังกฤษมาแล้วเช่นกัน ในระหว่างฤดูกาล 2014-2019 ลงเล่นไปมากกว่า 70 นัดด้วยกัน

เอเยนต์ ดิ โลเรนโซ่ ตอบคำถามหลังเป็นข่าวกับ ปีศาจแดง

กองหลังของนาโปลีรายนี้ เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่กำลังเป็นข่าวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งล่าสุด เอเยนต์ ก็ได้มาพูดถึงเรื่องนี้แล้ว

จิโอวานนี่ ดิ โลเรนโซ่ เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับทีมชาติอิตาลี จนทำให้เขาตกเป็นข่าวย้ายทีม กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ล่าสุด เอเยนต์ของนักเตะวัย 27 ปี รายนี้ ก็ออกมาดับเทียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเขาเชื่อว่า นักเตะจะอยู่กับ นาโปลี ต่อไป “ประธานสโมสรของเรา ออกมาเปิดเผยแล้วว่า เขาจะลงมาจัดการเรื่องการย้ายทีมของนักเตะด้วยตัวของเขาเอง” เอเยนต์ กล่าว

“ถ้าหากมีข้อเสนอเข้ามา เราก็ต้องเอาไปพูดคุยและปรึกษากับประธานสโมสร ก่อนที่จะตัดสินใจอะไรได้ ดังนั้นสำหรับข่าวลือในตอนนี้ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มันก็เป็นแค่เรื่องของข่าวที่สำนักพิมพ์เขียนขึ้นมา ถ้าหากมันจริง เราก็คงได้รู้เรื่อง และเอาเข้าไปพูดคุยกับประธานสโมสรของเราแล้ว ดังนั้นตอนนี้ มันยังไม่มีอะไรทั้งนั้น”

ซาร์รี่ ต้องเสริมกองหน้าด่วนที่สุด

ในช่วงออกสตาร์ทซีซั่นนี้ ทีมที่ทำผลงานได้แบบเหนือความคาดหมายคือทัพ “สิงโตน้ำเงินคราม” ภายใต้การคุมทัพของเจ้านายใหญ่คนใหม่อย่าง เมาริซิโอ ซาร์รี่ ที่ย้ายจาก นาโปลี เข้ามาแทนที่ของ อันโตนิโอ คอนเต้ ที่โดนปลดออกจากตำแหน่งไป โดยตอนต้นพวกเขาทำสถิติชนะรวดพร้อมยิงคู่แข่งกระจาย ทว่าพอหลุดฟอร์มไปนิดเดียว กลายว่าตอนนี้ชักเริ่มเป๋ให้เห็นหลายนัด นั่นเพราะปัญหาสำคัญสุด ๆ คือเรื่องกองหน้า

ด้วยความที่ ซาร์รี่ เข้ามาคุมทีมไม่นานก่อนซีซั่นจะรูดม่านเปิดฉากขึ้น ส่งผลให้เขาเองยังแทบไม่ได้มองนักเตะที่ตนเองต้องการไว้เท่าไหร่ แถมถ้ามองจริง ๆ มันคงต้องเสียเงินเยอะเนื่องจากเป็นการติดต่อแบบปัจจุบันทันด่วน จากตรงนี้เราจึงเห็นว่ากองหน้าเชลซี เวลานี้มีแค่ อัลบาโร่ โมราต้า และ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ซึ่งก็อย่างที่รู้กันว่าสองคนนี้ใครลงมาก็อาการหนักไม่ต่างกันนัก แต่ด้วยช่วงแรก ๆ ฟอร์มการเล่นของ เอเด็น อาซาร์ ยังโดดเด่นส่งผลให้ปิดรอยแผลปัญหาดังกล่าวเอาไว้ได้ กระนั้นเมื่อคู่แข่งเริ่มจับทางถูกจน อาซาร์ ทำอะไรไม่ค่อยได้ รอยแผลตรงนี้จึงโผล่ขึ้นมากลายเป็นแผลขนาดใหญ่ที่ ซาร์รี่ ต้องรีบหาทางรักษาอย่างเร่งด่วนที่สุด

ซาร์รี่ ต้องเสริมกองหน้าด่วน

มีข่าวว่าเจ้าตัวสนใจจะไปดึงอดีตลูกน้องเก่าอย่าง กอนซาโล่ อิกัวอิน มาร่วมทีมในช่วงมกราคมนี้ ก็ถือว่าเป็นดีลน่าสนใจหากกองหน้าชาวอาร์เจนไตน์สนใจย้ายมาเล่นร่วมกับเจ้านายเก่าของเขาจริง อย่างที่รู้ว่าพิษสงของกองหน้ารายนี้ไม่ธรรมดา และหากเขาสามารถปรับตัวในพรีเมียร์ลีกได้เร็ว กองหลังทีมอื่น ๆ คงต้องระวังอย่างจงหนัก ทว่าด้วยมันเป็นแค่ข่าวจึงไม่แน่ใจในมูลความจริงอาจมีหรือไม่มีก็ได้ ซาร์รี่ เองคงรู้อยู่ในใจเกี่ยวกับการแก้ปัญหากองหน้าปืนฝืดเหล่านี้ วิธีดีที่สุดคือหาประเภทสำเร็จรูปมาใช้งานทันที คำถามคือใครจะเหมาะเข้ามากู้วิกฤตนี้

หากต้องรอจนถึงช่วงเปิดตลาดซัมเมอร์ปีหน้า บางที ซาร์รี่ อาจโดนเด้งก่อนถ้าผลงานของทีมยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่เอาจริง ๆ มันก็จะมาลงที่เขาคนเดียวไม่ได้เพราะการเข้ามารับงานอย่างรวดเร็ว ระยะเวลาในการเตรียมทีมต่าง ๆ ก็น้อย ทำได้แค่นี้ต้องถือว่ายอดเยี่ยมเกินคาดหมายแล้ว สิ่งแรกที่ต้องจับตามองคือช่วงตลาดซื้อขายมกราคมนี้ เขาจะตัดสินใจดึงกองหน้ารายไหนเข้ามาร่วมทีมหรือไม่ เพราะถ้าหากไม่มี งานจะยิ่งยากขึ้นเรื่อย ๆ กับการไล่ล่าแชมป์

อลิสสันประเดิมสวย มิลเนอร์เปิด – ซาลาห์ตาม “หงส์” ยิงนาโปลี ยับ 5-0

อลิสสัน เบ็คเกอร์ ประเดิมสนามให้กับต้นสังกัดใหม่ของเขาได้อย่างงดงาม หลังลิเวอร์พูลดาหน้ายิงถล่ม นาโปลี ยับเยิน 5 ประตูต่อ 0 ในเกมพรีซีซั่นที่ ดับลิน พร้อมทั้งสามารถรักษาคลีนชีตไว้ได้ ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ใช้เวลาแค่ 4 นาทีในการหาประตูแรก หลัง เจมส์ มิลเนอร์ รับลูกผ่านตัดหลังของ ซาดิโอ มาเน่ ก่อนจะแปลด้วยเท้าซ้ายจากนอกกรอบเขตโทษให้ลิเวอร์พูลออกนำไปก่อน 1 ประตูต่อ 0 จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม บวกลูกที่ 2 ให้กับทีม หลัง เจมส์ มิลเนอร์คนเดิม ครอสจากริมเส้นฝั่งขวาให้ ไวจ์นัลดุม โหม่งเหน่งๆขึ้นนำ 2 ประตูต่อ 0 โมฮัมเม็ด ซาลาห์ ก็ไม่ทำให้แฟนๆที่ ดับลิน ต้องรอเก้อ หลังได้ลูกเก็บตกบนบริเวณหน้าปากประตู ก่อนจะปั้นโค้งๆด้วยเท้าซ้าย บอลโค้งเสียบสามเหลี่ยม ช่วยให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 3 ประตูต่อ 0

แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ที่ถูกส่งลงมาในช่วงครึ่งเวลาหลัง พลาดโอกาสบวกลูกที่ 4 ให้กับทีมหลังหลุดขึ้นมาทางด้านซ้าน ก่อนชิพผ่านหน้าปากประตูออกไปอย่างได้ลุ้น แต่ในที่สุด สเตอร์ริดจ์ ก็แก้ตัวได้สำเร็จในนาทีที่ 73 หลังซ้ำลูกยิงของ ดิว็อก โอรีกิ จากนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งซุกก้นตาข่าย หงส์แดงออกนำ 4 ประตูต่อ 0 ปิดท้ายด้วยลูกยิงสุดสวยของ อัลแบร์โต้ โมเรโน่ หลังซัดด้วยเท้าซ้ายที่เสาแรก บอลพุ่งผ่านมือ โอเรสติส คาร์เนซิส ลิเวอร์พูลปิดกล่อง ถล่ม นาโปลีไป 5 ประตูต่อ 0