เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เหมือนจะกลายเป็นผู้จัดการทีมที่อาภัพคนหนึ่ง นอกจากสิ่งที่ประสบความสำเร็จกับ บาร์เซโลน่า ไปได้ทุกรายการ แต่แชมป์ที่คว้าได้กับ บาเยิร์น มิวนิค และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับไม่ได้รับการยกย่องเท่าที่ควร แม้การคุม 2 ทีมหลัง จะไม่สามารถพาทีมเถลิงคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกได้ก็ตาม แต่ก็ยังสามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีกได้อย่างยอดเยี่ยม และน่าประทับใจ
แม้ กวาร์ดิโอล่า จะได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางในการเป็นกุนซือระดับโลก แต่เครดิตต่างๆ กลับไม่ได้รับเท่าที่ควร ไม่ว่าจะจากสื่อ หรือกูรูฟุตบอล แต่เมื่อทีมทำพลาด กลับถูกวิจารณ์ และถูกตั้งคำถามถึงศักยภาพในการคุมทีมเล่นฟุตบอลยุโรป รวมถึงการไม่มี ลีโอเนล เมสซี่ อยู่ในทีมเหมือนตอนที่คุมบาร์ซ่า
กวาร์ดิโอล่า ยืนยันอย่างชัดเจนว่า ตัวเขาจะไม่ฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน หากไม่สามารถพาแมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกได้ แต่ในฤดูกาล 2019-20 ทีมยังคงอยู่ในเส้นทางที่มีความหวังสำหรับรายการนี้ เมื่อลงเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยพบกับเรอัล มาดริด แชมป์รายการนี้ 13 สมัย แต่ทีมบุกไปเอาชนะได้ 2-1 ถึงซานติอาโก้ เบร์นาบิว ทำให้ทีมมีโอกาสที่ดีในการผ่านเข้าสู่รอบต่อไป โดยกุนซือวัย 49 ปี กล่าวว่า “มันมหัศจรรย์มาก สำหรับการบุกมาเอาชนะได้ถึงที่นี่ เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่หลายๆ ทีมจะทำได้ พวกเราหวังว่ามันจะช่วยพวกเราในอนาคตได้ พวกเราเชื่อในตัวพวกเราเอง การไปเผชิญหน้ากับทุกทีม พวกเราจะเล่นให้ได้เหมือนกับเกมที่พวกเราเจอกับเรอัล มาดริด”
นายใหญ่ชาวคาตาลันยังคงย้ำชัดถึงความฝันในการคุมทีมคว้าแชมป์ยุโรปแม้จะพยายามอย่างหนักตลอด 7 ปีที่ผ่านมา กับช่วงเวลาในปี 2012 ถึง 2019 แต่การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เป็นจุดเปลี่ยนของหลายสถานการณ์ และอาจจะรวมถึงความหวังในการคว้าแชมป์ของแมนฯ ซิตี้ด้วย
เมื่อเกมการแข่งขันจะต้องแข่งกันแบบสนามปิดต่อไป และยังต้องลงเล่นที่สนามกลาง นับตั้งแต่รอบก่อนรองชนะเลิศเป็นต้นไป แถมยังจะแข่งขันกันแบบเกมเดียวรู้ผลอีก ทั้งประสบการณ์ในการเล่นสองเลก และแรงกระตุ้นจากแฟนบอล มันจะไม่มีส่วนกับเกมเหล่านี้ และเมื่อนักเตะจะได้เล่นในสนามที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับซ้อม ดูจะเป็นประโยชน์สำหรับทีมของกวาร์ดิโอล่ามากกว่าด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกับสไตล์การเล่นของทีม และแน่นอนว่า มันก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในฤดูกาลนี้เช่นเดียวกัน โดยจะทำให้เป็นการปิดปากพวกวิจารณ์ได้ด้วยเช่นเดียวกัน