ฟาติ ไม่กดดันหลังรับเบอร์ 10 ต่อจาก เมสซี่

อันซุ ฟาติ นั้นออกว่าเปิดเผยว่า เขานั้นไม่ได้รู้สึก กดดันอะไรมากมายนัก หลังจากที่ได้เสื้อหมายเลข 10 ต่อจาก ลีโอเนล เมสซี่

ฟาติ นั้นพึ่งต่อสัญญาใหม่กับ บาร์เซโลน่า ไปอีก 6 ปี เต็ม ทำให้เขาสามารถอยู่กับทีมได้ถึงปี 2027 พร้อมมีค่าฉีกสัญญาสูงถึง 1 พันล้านยูโรอีกด้วย

ดาวรุ่งรายนี้ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จนทำให้เขาถูกจับตามองว่าจะกลายเป็นตัวแทนของ อดีตซุปเปอร์สตาร์ของทีมได้ “ความฝันของผมก็คือการประสบความสำเร็จและเติบโตกับบาร์เซโลน่า ซึ่งผมโชคดีมากๆที่ผมมีโอกาสจะทำได้แบบนั้นจริงๆ” ฟาติ กล่าว

“ผมดีใจมากๆที่สโมสรเชื่อมั่นในตัวของผม และเอาเสื้อหมายเลข 10 มาให้กับผม แต่ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นความกดดันอะไรเช่นกัน แต่มันจะกลายเป็นแรงผลักดันชั้นดีให้กับผม และผมจะทำให้ดีที่สุดเช่นกัน ผมจะตั้งใจพัฒนาตัวเอง และจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังในตัวของผมอย่างแน่นอน”

เดอ ยองก์ ป้อง คูมัน ยังไม่ควรถูกปลดจาก บาร์ซ่า

แฟรงกี้ เดอ ยอง มิดฟิลด์คนสำคัญของทีมบาร์เซโลน่า ออกมาเตือนสโมสรเกี่ยวกับการตัดสินใจที่จะปลดผู้จัดการทีมอย่าง โรนัลด์ คูมัน แม้ว่าผลการแข่งขันในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อวันพุธที่ผ่านมาจะเป็นเกมที่พวกเขาบุกออกไปพ่ายให้กับ เบนฟิก้า ด้วยสกอร์ 3-0 ก็ตาม

เดอ ยอง เชื่อว่า คูมัน ไม่ใช่เหตุผลที่ บาร์ซ่า คว้าชัยขชนะได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ตลอด 5 เกมหลังสุดและมีการออกสตาร์ทฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ย่ำแย่ที่สุด “ผมไม่สามารถพูดถึง โรนัลด์ คูมัน ได้เพราะว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของผมที่จะออกมาพูด” แฟรงกี้ เดอ ยอง กล่าว

“ผมไม่คิดว่าการเปลี่ยนโค้ชจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกอย่าง พวกเรากำลังพยายามทุกๆอย่าง พวกเราทำงานกันอย่างหนักในสนามซ้อม พวกเราพยายามอย่างสุดความสามารถในสนาม แต่ว่ามันไม่ใช่วันที่ดีที่สุดของเรา ท้ายที่สุดมันคือวิธีที่ง่ายที่สุด แต่ว่าพวกเราทุกคนมีความรับผิดชอบของตัวเองและแน่นอนว่าพวกเขาก็อยู่ในสถานการณ์ที่เป็นวิกฤติ”

คูมัน เผย เมสซี่ คือจอมเผด็จการในสนามซ้อม

โรนัลด์ คูมัน ผู้จัดการทีมบาร์เซโลน่า กล่าวว่า ลิโอเนล เมสซี่ นั้นเป็นเหมือน “จอมเผด็จการ” ในสนามซ้อมระหว่างที่เขายังอยู่กับ บาร์ซ่า

สตาร์ชาวอาร์เจนไตน์เขายกระดับมาตรฐานในถิ่นคัมป์ นู ก่อนที่จะกลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลของประวัติศาสตร์ฟุตบอลและย้ายไปร่วมทีมปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในปีนี้

“ลิโอเนล เมสซี่ เขาครอบคลุมครอบครองทุกอย่าง เขาทำได้ดีมากๆและเขาคว้าแชมป์มากมาย แน่นอนว่าเขามีนักเตะที่ดีรอบๆกายเขา แต่ว่าเขาเป็นคนที่สร้างความแตกต่าง ทุกๆคนดูดีกว่าเดิมเพราะเขา มันไม่ใช่การวิจารณ์ แต่ว่ามันเป็นการสังเกตุ” โรนัลด์ คูมัน กล่าวกับ Voetbal International.

“ผมรู้ว่าเขาดีอย่างไร แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ดีเหมือได้เห็นใกล้ๆ ทุกคนต้องการสอนนักบอล แต่สำหรับ เมสซี่ เต็ม 10 ทุกอย่าง มันมีครั้งหนึ่งที่เขาโมโหเพราะแพ้ให้กับทีมดาวรุ่งในสนามซ้อม มันเป็นเรื่องจริงๆนะ เขาเป็นจอมเผด็จการในสนามซ้อม”

ล็องเลต์ พร้อมเป็นผู้นำในเกมรับหลัง ปิเก้ เจ็บยาว

กองหลังชาวฝรั่งเศสรายนี้ ออกมายอมรับว่า เขาพร้อมที่จะแบกรับความรับผิดชอบครั้งใหญ่ หลังจากที่ต้องเป็นเสาหลักในแนวรับ แทนที่ ปิเก้ ที่ได้รับบาดเจ็บและต้องพักระยะยาวไป

เกลม็องต์ ล็องเลต์ ออกมายืนยันว่า เขาพร้อมแล้วที่จะเป็นผู้นำในเกมรับของ บาร์เซโลน่า หลังจากที่ เกราร์ด ปิเก้ กองหลังคนสำคัญของทีม ได้รับบาดเจ็บ และคงต้องพักรักษาตัวระยะยาวต่อไป

ปิเก้ ถูกเปลี่ยนตัวออกในเกมกับ แอต มาดริด หลังจากไปปะทะกับ แองเคิล คอร์เรีย เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และคาดว่าน่าจะได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า และคงต้องพักหลายเดือน

“ปิเก้ เป็นการสูญเสียครั้งสำคัญของเรา เพราะว่าเขาเป็นตัวหลักของทีมมานานแล้วปี ดังนั้นมันต้องส่งผลกระทบต่อเราอยู่แล้ว ผมเองก็อาจจะไม่ใช่คนที่ควรจะพูดเรื่องบทบาทในทีมมากนัก เพราะเรื่องแบบนี้ กุนซือน่าจะรู้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม ผมพร้อมแล้วที่จะช่วยทีมอย่างเต็มที่ และไม่ว่าโค้ชจะให้ผมเล่นในบทบาทไหน ผมก็ยืนดีทั้งนั้น” ล็องเลต์ กล่าว

สิ่งเดียวที่จะตบหน้าพวกวิจารณ์ได้ คือ ผลงาน และการคว้าแชมป์

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เหมือนจะกลายเป็นผู้จัดการทีมที่อาภัพคนหนึ่ง นอกจากสิ่งที่ประสบความสำเร็จกับ บาร์เซโลน่า ไปได้ทุกรายการ แต่แชมป์ที่คว้าได้กับ บาเยิร์น มิวนิค และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับไม่ได้รับการยกย่องเท่าที่ควร แม้การคุม 2 ทีมหลัง จะไม่สามารถพาทีมเถลิงคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกได้ก็ตาม แต่ก็ยังสามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีกได้อย่างยอดเยี่ยม และน่าประทับใจ

แม้ กวาร์ดิโอล่า จะได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางในการเป็นกุนซือระดับโลก แต่เครดิตต่างๆ กลับไม่ได้รับเท่าที่ควร ไม่ว่าจะจากสื่อ หรือกูรูฟุตบอล แต่เมื่อทีมทำพลาด กลับถูกวิจารณ์ และถูกตั้งคำถามถึงศักยภาพในการคุมทีมเล่นฟุตบอลยุโรป รวมถึงการไม่มี ลีโอเนล เมสซี่ อยู่ในทีมเหมือนตอนที่คุมบาร์ซ่า

กวาร์ดิโอล่า ยืนยันอย่างชัดเจนว่า ตัวเขาจะไม่ฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน หากไม่สามารถพาแมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกได้ แต่ในฤดูกาล 2019-20 ทีมยังคงอยู่ในเส้นทางที่มีความหวังสำหรับรายการนี้ เมื่อลงเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยพบกับเรอัล มาดริด แชมป์รายการนี้ 13 สมัย แต่ทีมบุกไปเอาชนะได้ 2-1 ถึงซานติอาโก้ เบร์นาบิว ทำให้ทีมมีโอกาสที่ดีในการผ่านเข้าสู่รอบต่อไป โดยกุนซือวัย 49 ปี กล่าวว่า “มันมหัศจรรย์มาก สำหรับการบุกมาเอาชนะได้ถึงที่นี่ เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่หลายๆ ทีมจะทำได้ พวกเราหวังว่ามันจะช่วยพวกเราในอนาคตได้ พวกเราเชื่อในตัวพวกเราเอง การไปเผชิญหน้ากับทุกทีม พวกเราจะเล่นให้ได้เหมือนกับเกมที่พวกเราเจอกับเรอัล มาดริด”

นายใหญ่ชาวคาตาลันยังคงย้ำชัดถึงความฝันในการคุมทีมคว้าแชมป์ยุโรปแม้จะพยายามอย่างหนักตลอด 7 ปีที่ผ่านมา กับช่วงเวลาในปี 2012 ถึง 2019 แต่การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เป็นจุดเปลี่ยนของหลายสถานการณ์ และอาจจะรวมถึงความหวังในการคว้าแชมป์ของแมนฯ ซิตี้ด้วย

เมื่อเกมการแข่งขันจะต้องแข่งกันแบบสนามปิดต่อไป และยังต้องลงเล่นที่สนามกลาง นับตั้งแต่รอบก่อนรองชนะเลิศเป็นต้นไป แถมยังจะแข่งขันกันแบบเกมเดียวรู้ผลอีก ทั้งประสบการณ์ในการเล่นสองเลก และแรงกระตุ้นจากแฟนบอล มันจะไม่มีส่วนกับเกมเหล่านี้ และเมื่อนักเตะจะได้เล่นในสนามที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับซ้อม ดูจะเป็นประโยชน์สำหรับทีมของกวาร์ดิโอล่ามากกว่าด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกับสไตล์การเล่นของทีม และแน่นอนว่า มันก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในฤดูกาลนี้เช่นเดียวกัน โดยจะทำให้เป็นการปิดปากพวกวิจารณ์ได้ด้วยเช่นเดียวกัน

ความบ้าคลั่งมันมีอยู่จริง

ความบ้าคลั่งมันมีอยู่จริง

ใครบอกว่าฟุตบอลมันเป็นแค่เกมกีฬาในสนาม นิยามนี้คงใช้ไม่ได้กับการแข่งขันในแถบอเมริกาใต้อย่างล่าสุดฟุตบอลนัดชิงชนะเลิศโคปา ลิเบอร์ตาโดเรส นัดชิงชนะเลิศนัดที่ 2 ระหว่าง ริเวอร์เพลท กับ โบคา จูเนียร์ส ที่ดูเหมือนว่าเหตุการณ์จะบานปลายจนไม่สามารถลงเล่นได้ และยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผลสรุปจะออกมาอย่างไรกันแน่ เนื่องจากแฟนบอลได้ก่อเหตุจลาจลทำให้เกมการแข่งขันต้องเลื่อนออกไปถึง 2 รอบอย่างไม่มีกำหนด และยังไม่มีคำตอบว่าสรุปแล้วจะแข่งกันต่อหรือไม่

ต้องยอมรับว่าแฟนบอลในอเมริกาใต้ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องความดิบ ป่าเถื่อน มานักต่อนักแล้ว ขนาดว่าสนามบอลแทบทุกสนามยังต้องมีการติดตั้งกรงเหล็กอย่างดีเพื่อไม่ให้แฟนบอลหลุดเข้าไปในสนามหวังไปทำร้ายผู้คนที่ไม่รู้เรื่องแต่กำลังทำหน้าที่ของตนเองอยู่ เหตุการณ์เหล่านี้หากใครติดตามฟุตบอลจากแถบนี้เป็นประจำ อาจมองว่ามันปกติ ทว่าจริง ๆ มันไม่น่าใช่เรื่องปกติสักเท่าไหร่นัก เพราะในโลกยุคนี้แล้วการตีกันเพราะเกมฟุตบอลมันไม่ใช่สาระสำคัญอะไรเลย

แถมการมีปัญหาระหว่างแฟนบอล มันน่าปวดหัวพออยู่แล้ว นี่บางทีพอรถบัสของนักเตะฝ่ายตรงข้ามวิ่งผ่าน ก็มีการปาข้าวของใส่รถจนกระจกแตกและนักเตะได้รับบาดเจ็บต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลอยู่หลายคนเหมือนกัน เป็นเรื่องแย่ ๆ ที่ผ่านมาหลายสิบปีก็ยังคงไม่มีอะไรดีขึ้นเลยจริง ๆ สำหรับฟุตบอลในอเมริกาใต้ อาจบอกได้ว่าหากคู่รักคู่แค้นตลอดกาลระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล, เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่า , เอซี มิลาน กับ อินเตอร์ มิลาน หรือแม้แต่ การท่าเรือ กับ เมืองทอง จะดุดันขนาดไหน ก็คงเทียบกับความรุนแรงระหว่างแฟนบอล 2 ทีมนี้ไม่ได้จริง ๆ เพราะมันโหดเกินบรรยายชนิดตำรวจก็เอาเหตุการณ์ไม่อยู่เหมือนกัน เข้าใจดีว่าฟุตบอลมันคือสายเลือดของพวกเขาและเมื่อเลือดขึ้นหน้าแล้วสิ่งใดก็ไม่สำคัญเท่ากับต้องเอากันให้ตาย

นี่ถึงขนาดมีคลิปว่าแฟนบอลสาวรายหนึ่งเอาพลุซ่อนไว้ในกางเกงของเด็กหญิงเพื่อหวังให้หลุดรอดเข้าไปในสนามแล้วใช้งาน ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะใช้ในเรื่องอะไรอีก ลำพังแค่เกมในสนามก็เดือดพออยู่แล้ว นี่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะเกิดขึ้นหรือไม่ บางทีบทสรุปของการแข่งขันคู่นี้อาจเป็นการแบ่งแชมป์กันไปเลยเพื่อจบปัญหาแบบขายผ้าเอาหน้ารอด ทว่าหากคิดในมุมที่ถูกต้อง หากเกิดเหตุแบบนี้ทุกปี มีหวังคงหมดสนุกและหมดสีสันในสนามกันแน่

ลิเวอร์พลู

อนาคตของป็อกบา ในช่วงเริ่มกลับมาปังอีกครั้ง !

ช่วงนี้กระแสข่าวที่มาแรงสุดๆ คงหนีไม่พ้นดีลที่ว่า “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า แห่งศึกลาลีกา สเปน กำลังให้ความสนใจในตัวของ ปอล ป็อกบา มิดฟิลด์ตัวเก่งแห่งทัพ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตอนแรกๆ หลายคนมองว่านี่น่าจะเป็นแค่ข่าวลือหรือข่าวลวงเฉยๆ เพราะดูแล้วป็อกบาน่าจะอยู่กับทีมไปอีกนานด้วยสัญญาที่เหลือถึง 3 ปี แต่กลายเป็นว่าพอข่าวเริ่มประโคมมากขึ้น ดาวเตะรายนี้นอกจากไม่ตอบโต้แล้วเอเย่นต์ตัวร้ายอย่าง มิโน่ ไรโอล่า อาจเห็นดีเห็นงามกับการย้ายตัวครั้งนี้ด้วยนั่นเพราะเงิน

ใครๆก็รู้ว่าไรโอล่าคือเอเย่นต์ที่มองเรื่องของเงินเป็นหลักมาก่อนอยู่แล้ว ตอนที่ป็อกบาย้ายจากยูเวนตุสมายังถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ด้วยค่าตัวสถิติโลกตอนนั้นเชื่อว่าจริงแล้วค่าตัวของกองกลางเลือดเฟรนช์รายนี้ไม่ได้สูงระดับ 90 กว่าล้านปอนด์ แต่เพราะว่าไรโอล่าต้องการส่วนแบ่งเกือบๆ 20 ล้านปอนด์ ทำให้ค่าตัวของเขาพุ่งกระฉูด มาคราวนี้กับสัญญาอีก 3 ปี ที่ป็อกบาเหลืออยู่กับทีมหากต้องการดึงตัวเขาไปร่วมทีมจริงแว่วๆ มาว่าบาร์เซโลน่าอาจต้องจ่ายเงินก้อนโตถึงเกือบ 170 ล้านปอนด์ แล้วคราวนี้คิดดูว่าเอเย่นต์หน้าเลือดจะได้ส่วนแบ่งไปอีกเท่าไหร่?

บังเอิญว่าบาร์ซ่าทุนหนาใช่เล่นไป

กระนั้นทีมอย่างบาร์เซโลน่าไม่เคยเป็นรองใครในด้านดีลซื้อนักเตะด้วยพวกเขาคือทีมใหญ่ที่ประสบความสำเร็จตลอดทำให้ดาวเตะหลายคนใฝ่ฝันว่าอยากไปร่วมทีม จึงทำให้เกิดอีกกระแสข่าวว่าพวกเขาพร้อมจ่ายแค่ราวๆ 40 ล้านปอนด์บวกกับนักเตะอีก 2 คนในทีม งานนี้คงเล่นเอาบอร์ดบริหารแมนฯ ยูฯ หัวร้อนเป็นแถวกับการกระทำของยอดทีมแห่งสเปน เพราะการแถมนักเตะมาให้ 2 ตัวเพื่อรวมอยู่ในค่าตัวของป็อกบามันการันตีไม่ได้ว่าดาวเตะเหล่านั้นจะทำผลงานได้ดีขนาดไหน

อย่างไรก็ตามตลาดซื้อขายนักเตะของพรีเมียร์ลีกจะปิดตัวลงในวันนี้ (9/8/2018) แต่ลีกอื่นๆ ยังปิดช่วงสิ้นเดือนเหมือนเดิม นั่นหมายความว่านักเตะในพรีเมียร์ลีกสามารถย้ายออกได้แต่ย้ายเข้าไม่ได้ ดังนั้นเชื่อว่าสัญญาอีก 3 ปีที่เหลืออยู่น่าจะทำให้ซัมเมอร์นี้ป็อกบาจะยังคงอยู่กับทีมแน่นอน แต่ไม่รู้ว่าในอนาคตช่วงตลาดซื้อขายเดือนมกราคมพวกเขาจะกลับมาตอดดาวเตะรายนี้อีกหรือไม่ เหมือนกรณีของฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ของลิเวอร์พูล ดูแล้วป็อกบาเองคงมีใจอยากย้ายไปอยู่ไม่น้อย กับเกมรุกที่เร้าใจกว่า โอกาสคว้าแชมป์มากกว่า ใครก็อยากประสบความสำเร็จกันทั้งนั้น